Chapter VII
“ไม่มาจริงเหรอ”
( อืม ฉันไม่ไหวหนะ ฝากนายลาครูแล้วจดแทนให้ฉันด้วยแล้วกันนะ )
“อืม พักผ่อนแล้วกันนะฮยอนซึงอา” โยซอบวางสายจากฮยอนซึงแล้วหันมามองจุน
ฮยองตาขวาง ก่อนจะหันไปตอบดูจุน
“ฮยอนซึงอาไม่มา อาจจะป่วยไม่ต้องเป็นห่วงนะดูจุนอา ”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็โอเคละนะ” ดูจุนตอบพร้อมกันยิ้มกว้างให้โยซอบ
ทำเอาร่างบางหน้าขึ้นสีเล็กน้อย
“นี่ยังโยน้อย นายก็ไม่สบายเหรอ
หน้าดูแดงๆ” ดูจุนถามพลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ
“ป่าว แค่ร้อนหนะไม่มีไรหรอก”
ถึงจะบอกแบบนั้นแต่ความเขินที่มีมากขึ้นก็ทำให้หน้าแดงขึ้นไปอีก
“อ่า ถ้าเป็นไรบอกฉันแล้วกันนะ”
“อื้มๆ ^^”
ภายในห้องที่ยังคงมีการเรียนการสอนไปเรื่อยๆ
มีบุคคลสอง คนหนึ่งกำลังสับสนกับตัวเองอยู่ว่า
จริงๆแล้วตอนนี้เขารู้สึกยังไงกันแน่ กับใครบางคนที่หายไป และอีกคนที่ไม่มีกะจิดกะใจจะเรียนอยู่แล้ว
แล้วยิ่งไม่มีใครบางคน จิตใจก็แทนไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
.......................................................................................................................
“จุนฮยองอา นายจะไปไหนหนะ”
โยซอบ ตะโกนเรียกบุคคลที่แทบจะก้าวเท้าออกจากห้องทันทีที่หมดเวลาสอบ
“กลับบ้าน” การตอบหน้าตายเป็นสิ่งหนึ่งที่ยงจุนฮยองถนัด
มันช่วยให้เขาไม่ต้องตอบปัญหามากมายจากใครหลายคนโดยเฉพาะคนรู้ทันอย่างยังโยซอบ
“อ้าวเหรอ
นึกว่าจะไปหาฮยองซึงอาซะอีก” คนตัวเล็กทำหน้าเจ้าเล่ห์ เขาเองก็ไม่แน่ใจกับสิ่งที่คิดมากนัก
แต่ดูจากท่าทางของอีกฝ่ายแล้วเขาเองก็ได้แต่ขอให้เป็นอย่างนั้น
“นายมีอะไร” ถึงเขาจะรู้ว่าโยซอบอาจจะแค่เดา
แต่การเดาของโยซอบค่อนข้างอันตรายหากเขายังไม่ยอมบอกมันออกมา
สุดท้ายไม่พ้นโดยคนตัวเล็กรู้ทันอยู่ดี
“บอกก่อนว่านายจะไม่ไปทำอะไรให้มันแย่ลงไปอีกหนะ”
เขาเป็นห่วงทั้งคู่จริงๆ อีกคนก็ถึงขนาดขาดเรียน ในขณะที่อีกคน
ก็ปากร้ายปากไม่ตรงกับใจ อันตรายทั้งคู่จริงๆ
“อืม ไปละ”จุนฮยองทิ้งไว้แค่นั้นแล้วก็เดินจากไป
แต่ยังไงโยซอบก็ยังเป็นห่วงอยู่เล็กๆอยู่ดี
ดูจุนที่ลอบมองอยู่ตลอกอดสงสัยไม่ได้
ทั้งเรื่องที่เมื่อวานฮยอนซึงไม่เข้าเรียนหลังจากไปหาอาจารย์โจควอนแล้วไหนวันนี้จะหยุดเรียนอีก
ทั้งโยซอบกับจุนฮยองที่เหมือนจะรู้อะไรกันบางอย่างอยู่สองคนแล้วก็ปฎิกริยาของฮยอนซึงตอนที่เจอจุนฮยองอีก
มีแต่เรื่องที่ไม่เข้าใจและน่าสงสัย แต่ในเมื่อเจ้าตัวไม่ยอมบอกเขาเองก็ไม่อยากจะถาม
แต่ที่เขาข้องใจก็คือ
ทำไมยังโยน้อยถึงคุยกับจุนฮยองนานสองนานด้วย -3-
……………………………………………………………………………………….
ทางด้านดงอุนเอง ตอนนี้เขาก็ชักไม่เข้าใจตัวเองเข้าไปทุกที
ไม่เข้าใจตั้งแต่มานั่งรออะไรซักอย่างที่เก้าอี้แถวๆหน้าโรงเรียนนี้แล้ว
ทำไมตัวเขาเองถึงยังไม่กลับบ้านไปซะทีก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกัน
“อ้าว ดงอุน นายมานั่งทำไรตรงนี้อะ” เจ้าของรอยยิ้มสดใสทักเอ่ยขึ้นมา
หลังจากที่เขาเพิ่งจะทำรายงานเสร็จ ก็มาเจอกับใครบางคนพอดี ใช่ว่าเขาจะไม่ดีใจ
“เอ่อ นั่งเล่นหนะ นายจะกลับแล้วเหรอ” เป็นคำแก้ตัวที่ดูจะบื่อๆไปหน่อยสำหรับชนดงอุน
แต่ก็ถือว่าไม่เลวสำหรับข้ออ้างแบบเร่งรัดแบบนี้
“อืม เพิ่งทำรายงานเสร็จ
เหนื่อยๆสุดๆเลย นายจะกลับด้วยกันเลยมั๊ย” คำตอบที่มีอยู่ในใจ
คนตัวเล็กก็อยากให้ตอบอย่างที่คิดนะ ความจริงเขาแอบคิดเข้าข้างตัวเองนิดหน่อยว่าดงอุนนั่งรอเขารึเปล่า
แต่มันอาจจะเป็นไปไม่ได้ มีเหตุผลอไรต้องมารอกันด้วย
แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีทางเป็นไปได้นี่ ^^
“เอาซิ กลับด้วยกันเลยก็ได้
ฉันก็อยากกลับแล้วหละ ” ทำไมเขาถึงกลับ
แล้วสรุปแล้วเขานั่งทำไม นั่งรอคนตรงหน้าเหรอ
บางครั้งเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันหรือว่าจริงๆแล้ว
ฉันมานั่งรอนายรึเปล่านะกีกวัง นายว่ายังไง
แล้วทำไมฉันถึงรอนายหละ นายพอจะรู้เหตุผลมั๊ย
.....................................................................................................................
ในห้องนอนสีฟ้าสว่าง
บนเตียงกว้างมีร่างของใครบางคนที่ไม่ยอมไปโรงเรียน
เหตุผลหนึ่งเพราะเขายังเสียใจอยู่ และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือ เขาไม่รู้จะทำตัวยังไง
เมื่อวานเกิดเรื่องขนาดนั้น จะให้ทำตัวยังไง เมินเฉย ทำเหมือนคนไม่รู้จัก
ต่างคนต่างอยู่ ต้องหลบหน้ามั๊ย แล้วอีกคนหละ จะทำเหมือนที่เขาจะทำรึเปล่า
ยิ่งคิดฮยอนซึงก็ยิ่งไม่เข้าใจ ไม่อยากไปเจอหน้าเลย ไม่อยากไปโรงเรียนซักพัก
แต่เขาก็ทำไม่ได้ ยังดีที่พรุ่งนี้ก็วันเสาร์แล้ว การที่จะหยุดซักวันก็ไม่เสียหาย
ยังไงก็ฝากโยซอบจดให้อยู่แล้ว วันนี้เขาเองก็แทบจะไม่ได้ไปไหน อยู่แต่ในห้อง
ออกมาหาไรกินนิดหน่อย แล้วก็เข้าไปนอนขลุกอยู่บนเตียงเหมือนเดิม
“เย็นแล้วเหรอเนี่ย
ออกไปหาไรมากินน่าจะดีกว่าซินะ ” ร่างบางลุกออกจากเตียงกว้างบิดขี้เกียจนิดหน่อย
เสื้อยืดคอวีสีครีมกับกางเกงขาสั้นสีน้ำตาลก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไรถ้าจะออกไปซื้อของที่ซุปเปอร์
แขนยาวเอื้อมไปเปิดประตูบ้าน
หน้าผากบางชนเข้ากับอกกว้างอย่างไม่ตั้งใจ คนสวยค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองผู้มาเยือน
ฝ่ามือบางไปจนปลายนิ้วรู้สึกเย็นเฉียบ
ก้อนแห่งความเสียใจที่เพิ่งจะหายก่อตัวขึ้นอีกครั้ง เขามาทำอะไรที่นี่
“นะ....นาย มาทำอะไร” ไม่ ฮยอนซึงไม่คิดแม้แต่จะเงยหน้ามองผู้มาเยือน หลังจากรู้ว่าเป็นใคร
ถ้าขืนเขาได้มองใบหน้านี้ละก็ สิ่งที่อดกลั้นอยู่ไม่พ้นต้องออกมาแน่ๆ
“ทำไมไม่มาโรงเรียน” เป็นการทักทายที่เฉยที่สุด
แต่เขาเองก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าควรจะทักไปยังไงก่อน
“เรื่องของฉัน” เป็นการตอบที่ดูเอาแต่ใจ ร่างบางพยายามจะเข้าไปในบ้าน
แต่ก็ถูกอีกคนรั้งเอาไว้ไม่ยอมให้ไปไหน
ฝ่ามือหน้ายันประตูไว้ไม่ยอมให้อีกฝ่ายได้ออกไปข้างนอก ส่วนมืออีกด้าน
ก็โอบเอวบางของคนตรงหน้าไว้เบาๆเพื่อไม่ให้หนีไปไหน
“หึ
งั้นฉันมาทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน” สาบานได้เลยว่าเขาไม่ได้ตั้งใจมากวนประสาท
แค่อยากจะมาดูเฉยๆแล้วก็กลับ ไม่ได้คิดจะมาปะทะกันแบบนี้
แต่ในเมื่อเจอกันแล้วก็ไม่รู้จะทำยังไงยิ่งอีกฝ่ายกวนประสาทมากเท่าใคร
คนชอบเอาชนะอย่างเขาก็กวนมากกว่าอยู่แล้ว
“แต่นี่บ้านฉัน ” ถึงร่างบางจะต่อปากต่อคำ แต่ก็ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาอยู่ดี
ได้แต่ขอให้อีกฝ่ายกลับไปซักที
“เงยหน้าขึ้นมา” เสียงเบาๆ ที่ฟังแล้วออกจะเป็นคำสั่งกลายๆว่าจะต้องทำตาม
แต่ร่างบางก็เลือกที่จะก้มหน้าต่อไป
“เงยหน้าขึ้นมาจากฮยอนซึง”
เสียงที่เข้มขึ้น บอกถึงการเอาแต่ใจที่เพิ่มขึ้นของจุนฮยอง
เขาอยากเห็นหน้าฮยอนซึง อยากรู้ว่าเป็นยังไง
ยืนก้มหน้าคุยกันมันทำให้เขาอารมณ์เสีย
“มะ .....ไม่” เสียงที่เริ่มสั่นไม่ใช่สัญญาณที่ดีเลย มันแปลว่า
เขากำลังะร้องงไห้อีกครั้ง
“ทำไม” จุนฮยองถามเสียงเย็น
ยิ่งได้ยินเสียงสั่นๆของอีกฝ่าย เข้ายิ่ง ยิ่งห่วง
“เรื่องของฉัน” ร่างบางตัดสินใจหนีเข้าบ้าน แต่มือหนาที่รั้งเอวไว้ ไม่ยอมปล่อยง่ายๆ
แถมยังรั้งให้เข้ามาใกล้กันเข้าไปอีก
“ อะ อื้อ..” จุนฮยองใช้มืออีกข้าง ช้อนคางของร่างบางให้เงยหน้าขึ้น สิ่งที่เขาเห็น
คือดวงตาสีแดงรำไร ที่พร้อมจะร้องไห้ออกมาได้ทุกเมื่อ
“ทำไมต้องร้องไห้” เป็นคำถามโง่ๆ ที่เขาอยากได้ยินคำตอบ
“ไม่ได้จะร้องไห้” คนดื้อรั้นยังไงก็ยังคนดื้อ
“จางฮยอนซึง” จุนฮยองเรียกอีกฝ่ายด้วยเสียงที่เบาลง และนุ่มนวลขึ้นมาเล็กน้อย
“นายต้องการอะไร
เมื่อวานนายยังไม่พอใจอีกรึไง นายจะให้ฉันทำยังไงหรือจะให้ฉันหนีนายไปอีกถึงจะพอใจ”
ร่างบางเริ่มจะทนไม่ไหว
เข้าเพิ่งจะรู้สึกดีขึ้นทำไมอีกฝ่ายต้องโผล่มาแล้วจะมาคั้นอะไรกับเขาอีก
“อย่าร้องไห้” ฝ่ามือหนาค่อยๆเกลี่ยน้ำตาที่เล็ดรอดออกมาของร่างบางออกเบาอย่างอ่อนโยนจนอีกฝ่ายตกใจและแปลกใจ
สับสนและไม่เข้าใจ
“นะ...นาย” ร่างบาได้แต่ค้างและทำอะไรไม่ถูก
จุนฮยองต้องการอะไร จะทำอะไร ทำไมถึงได้แปลกไป
“ขอโทษ” จุนฮยองทิ้งไว้แค่นั้นแล้วรีบหันหลังเดินกลับไปที่รถ
การเห็นน้ำตาของร่างบางมันทำให้ทำอะไรไม่ถูก
นอกจากพูดคำพูดที่เขาควรจะพูดมันตั้งนานแล้ว
“จะ...จุนฮยอง.... นาย” ร่างบางได้แต่มองอีกฝ่ายขับรถออกไปอย่างไม่เข้าใจ
เขาดีใจที่จุนฮยองพูดว่าขอโทษ แต่มันก็เป็นสิ่งที่เขาไม่คาดคิด
อีกฝ่ายทำแบบนี้ทำไม เพื่ออะไรและอีกใจนึงคือเขาก็กลัว
นายทำแบบนี้ทำไม ต้องการอะไรจุนฮยอง
นายทำให้ฉันกลัว กลัวที่จะลืมนาย
ฮยอนซึง นายร้องไห้เพราะเห็นหน้าฉันเองเหรอ
ถ้ายังกลับไปได้ ฉันจะทำยังไง
....................................................................................................
อ๊ากกกกกกกกกก
เกือบ 1 ปีที่หายหัวไปเลย เรียนหนักค่ะ หนักมาก
งานเยอะมากเหนื่อยจนอยากจะพักอย่างเดียวเลย
นอนดึกตลอด ตอนนี้ปิดเทอมแล้ว มีเรียนพิเศษคอสปิดเทอมอีก
แงแง วันนี้คึก คิดจะปิดอยู่เหมือนกัน
แต่ใจมันอยากให้จบอะ
ก็ลุ้นๆอยู่ว่าปิดเทอมนี้จะทำได้มั๊ย แง่วๆ
ไม่ได้แต่งนาน อาจจะแปลกๆไปพอสมควร
แล้วคำผิดก็เยอะด้วย
เหตุจากที่ไรท์เตอร์ตกเขียนไทยอย่างแรง
และเล็บที่ยาวก็เป็น
อุปสรรคต่อการพิมพ์เหลือเกิน ไว้เดี๋ยวค่อยตัด
ว่าแต่เป็นไงก็มาบอกันบ้างเน้อT T ~~~ รักและคิดถึง